ถอดรหัส LEED V5:
มาตรฐานอาคารเขียวสู่ Net Zero
LEED v5 ยกระดับอาคารเขียวจากการประหยัดพลังงาน สู่การลดคาร์บอนจริง มุ่งสู่อาคาร Net Zero สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกและสังคม
LEED V.5 เอาจริง อาคารต้องปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
ทุกวันนี้ อาคาร สร้างผลกระทบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 65%! ตัวเลขนี้สูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าตกใจ
ก๊าซเรือนกระจกจากอาคาร เกิดมาจากหลายแหล่ง แต่ส่วนที่ใหญ่ที่สุด คือ การใช้พลังงานในการดำเนินงานของอาคาร หรือที่เราเรียกว่า Operational Carbon คิดเป็นสัดส่วนมหาศาลถึง 31% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมด
นั่นหมายความว่า อาคาร คือหนึ่งในตัวการสำคัญ ที่กำลังสร้างวิกฤติให้กับโลกของเรา ใช่หรือไม่?..!!
เมื่อพวกเรากำลังเจอกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่นี้ คำถามคือ…เราจะรับมือกับมันอย่างไร? และเราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างไร?
ข้อมูลวันนี้มาจากรายการ The NOVA Talk ที่ให้ข้อมูลของ LEED v5 หนึ่งในมาตรฐานที่ทรงอิทธิพลที่สุด ของอาคารเขียว โดย LEED Version 5 เปิดให้ลงทะเบียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ส่วนโครงการที่ต้องการขอรับการรับรองในเวอร์ชั่น 4 หรือ 4.1 จะสามารถลงทะเบียนได้อย่างช้าคือภายใน 31 มีนาคม 2569 นั่นหมายความว่า ตั้งแต่เดือนเมษายน 2569 เป็นต้นไป จะเริ่มใช้เกณฑ์ของ LEED v5
ถอดรหัส LEED v5: กับการเปลี่ยนโฉมวงการอาคารเพื่อลดคาร์บอน
อย่างที่เราเกริ่นเอาไว้เมื่อตอนต้นนะคะว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่มาจาก Operational Carbon ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมหาศาลถึง 31% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมด ส่วนนี้คือการใช้ไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศ การให้แสงสว่าง หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในอาคาร
รองลงมาคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะที่เกี่ยวข้องกับอาคาร คิดเป็น 23% หมายถึงการเดินทางเข้าออกอาคารของผู้คน และการขนส่งต่างๆ
อีก 5-10% เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากพวก Embodied Carbon จำพวกวัสดุก่อสร้างต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาคารขึ้นมา
ไม่เพียงแค่นั้นนะคะ แม้แต่สารทำความเย็น หรือ Refrigerants ที่มาจากระบบปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็น ยังคิดเป็น 2% และที่น่าสนใจคือ ขยะอาหาร (Food Waste) ที่มาจากอาคาร ก็ยังคิดเป็นราวๆ 3%
เมื่อรวมตัวเลขทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน เราจะเห็นว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอาคาร เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกเราร้อนอย่างทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
ตัวเลขและแนวโน้มของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นนี้เอง LEED Version 5 จึงให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างจริงจัง โดยกำหนดให้มีคะแนนการลดการปลดปล่อยคาร์บอนสูงถึง 50% ของคะแนนรวมทั้งหมด!
ดังนั้นต่อไปอาคารที่ต้องการ LEED Platinum จึงต้องมีการออกแบบและวางแผนเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม
โครงสร้างเกณฑ์ใหม่ของ LEED v5
LEED version 5 ได้จัดระบบใหม่ให้เข้าใจง่ายๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. Decarbonization – (การลดการปล่อยคาร์บอน) ให้น้ำหนักถึง 50% เพิ่มความเข้มข้นในการวัดและลดทั้งคาร์บอนในระหว่างการดำเนินงาน (operational) และคาร์บอนที่แฝงในวัสดุ (embodied carbon)
2. Quality of Life – (คุณภาพชีวิต) ให้น้ำหนัก 25% ให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้ใช้อาคาร ความสบาย การเข้าถึงแสงธรรมชาติ และประสบการณ์ของผู้อยู่อาศัยในอาคาร
3. Ecological Conservation & Restoration – (การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ) ให้น้ำหนัก 25%
เน้นการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การฟื้นฟูระบบนิเวศและใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
มีอะไรใหม่ใน LEED V5
LEED version 5 คือ การเปลี่ยนกรอบคิดใหม่ทั้งหมดค่ะ ไม่ใช่แค่อาคารที่ “ทำได้ดี” แต่ต้องตอบคำถามว่า… “อาคารของเรานั้น ช่วยโลกได้แค่ไหน?”The NOVA Talk เราสรุปเกณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นใน LEED version 5 มาให้ดังนี้ค่ะ
1. Carbon First – ทุกโครงการต้องมีแผนและผลการลดคาร์บอนทั้งจากการใช้งาน (Operational Carbon) และวัสดุก่อสร้าง (Embodied Carbon)
2. All-Electric Building– ผลักดันให้อาคารเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันมาใช้พลังงานไฟฟ้า 100%
3. Renewable Energy – เน้นสัดส่วนพลังงานสะอาดทั้ง on-site และ off-site
4. Human Health & Equity – ไม่ใช่แค่เรื่องพลังงาน แต่ต้องดูแลคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย ทั้งอากาศ แสงสว่าง เสียง และการเข้าถึงที่เท่าเทียม
5. Resilience & Climate Risk – อาคารต้องประเมินและเตรียมรับมือความเสี่ยงจากสภาพอากาศ เช่น น้ำท่วม คลื่นความร้อน
6. Prerequisite สำหรับ Decarbonization– โครงการต้องแสดงหลักฐานการลดคาร์บอนที่วัดผลได้จริง
สำหรับโครงการที่ตั้งเป้าหมายสูงสุดเพื่อขอการรับรองระดับ “LEED ในระดับ Platinum” มาตรฐานก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาคารจะต้อง:
• มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง
• ไม่มีการปล่อยคาร์บอนจากเชื้อเพลิงที่เผาไหม้ในอาคารเลย
• ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
• และต้องลดคาร์บอนจากวัสดุก่อสร้างอย่างมีนัยสำคัญ
พูดง่าย ๆ ระดับ Platinum ใน version 5 นี้ คือ อาคารที่จะ ก้าวข้ามจากอาคารเขียว ไปสู่อาคารที่เป็น Net Zero Building อย่างแท้จริง นั่นเองค่ะ
เมื่อ LEED V5 มาสร้างผลกระทบให้กับไทยและภูมิภาค
สำหรับประเทศไทยและอาเซียน LEED version5 จะมีผลกระทบหลายมิติด้วยกันนะคะ
อย่างแรกเลยคือ ภาคอสังหาฯ และนักลงทุน ถ้าอยากออก Green Bond หรือ Sustainable Finance การใช้ LEED version 5 จะสร้างความน่าเชื่อถือเพราะเชื่อมโยงกับมาตรฐานรายงานระดับโลก เช่น ISSB (International Sustainability Standards Board) และ GRESB (Global Real Estate Sustainability Benchmark)
อย่างที่สอง เมืองและนโยบาย Net Zero กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ที่ตั้งเป้า Net Zero สามารถใช้ LEED version 5 เป็นกรอบในการพัฒนาอาคารและชุมชนได้
และอย่างที่สาม ซัพพลายเชน การก่อสร้าง ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง เช่น ซีเมนต์ เหล็ก กระจก จะถูกบังคับ ให้แสดงข้อมูลผ่าน EPD (Environmental Product Declaration) เพื่อให้โครงการสามารถผ่านเกณฑ์ LEED version 5 ได้
ประเทศไทยเราตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2065 และภาคอสังหาฯ คือหนึ่งในตัวการปล่อยคาร์บอนหลักการใช้LEED version 5 จึงเป็นได้ทั้ง “มาตรฐาน” และ “โอกาส” เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลกค่ะ
บทสรุป
มาตรฐานใหม่ของ LEED version 5 ที่เข้ามา และเริ่มใช้แล้วในปีนี้มีความเข้มข้นกว่า version ก่อนๆ มาก โดยเฉพาะการเพิ่ม Prerequisites ใหม่ ที่ครอบคลุมคาร์บอน ความเสมอภาค และความยืดหยุ่น ความต้องการมาตรฐานที่สูงกว่าเดิม เช่นเรื่องพลังงานหมุนเวียน 100% หรือไม่มีการเผาเชื้อเพลิงในอาคาร มีการจัดสัดส่วนคะแนน ปรับเกณฑ์ใหม่ถึง 50% มุ่งที่ Climate Action โดยตรง ครอบคลุมทั้งคาร์บอน สิ่งแวดล้อม สังคม และการเงิน รวมทั้งการติดตามผล เน้น real-time และ outcome-based มากกว่าเพียงการ “ตั้งใจจะทำ” แต่ต้องเห็นผลจริงๆ
เรียกว่าการเข้ามาของ LEED version 5 เป็นการเปลี่ยนเกมครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคารทั่วโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ
ในรายการ The NOVA Talk Ep.27 มีพูดถึงเรื่อง LEED V5 ที่กำลังเป็นที่จับตา ผู้อ่านสามารถกดตามไปฟังกันได้ว่า อาคารที่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้โลกร้อน !!! แล้ว LEED v5 จะ “เปลี่ยนเกมครั้งสำคัญนี้ได้อย่างไร” โดยเฉพาะการเอาจริงเอาจังเรื่องที่ ‘อาคารต้อง Net Zero!!’
